คดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” ต่างชาติเสียหายใน 10 ประเทศ รวมกว่า 20 ล้าน
คดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” เสียหายลามถึงต่างประเทศ ตัวแทนผู้เสียหายชาวต่างชาติและชาวไทยในต่างประเทศ หอบหลักฐานแจ้งความ เหตุจ่ายเงินแล้วไม่ได้สินค้า-ได้สินค้าไม่ครบ ผู้เสียหายมากกว่า 40 คน ใน 10 ประเทศ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่ยอดความเสียหายทั่วประเทศ ผู้เสียหาย 4,583 ราย ความเสียหาย 1,357 ล้านบาทเศษ
มติชน รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอิทธิเดช ธเนศวัฒนะ ตัวแทนผู้เสียหายชาวต่างชาติ เข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บริหารบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด
โดยนำเอกสารบิลเงินสด การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ในเครือบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป รวมไปถึงรูปภาพร้านค้า มีการนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปจำหน่ายในต่างประเทศ และรูปภาพผู้เสียหายซึ่งถ่ายคู่กับนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล มอบไว้เป็นหลักฐาน
นายอิทธิเดชกล่าวว่า มาในฐานะตัวแทนผู้เสียหายคนไทยและชาวต่างชาติในต่างประเทศ รวมกว่า 10 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง มาเก๊า อิตาลี เยอรมนี แคนาดา เอสโตเนีย และลักเซมเบิร์ก โดยเป็นผู้เสียหายกว่า 40 คน แบ่งเป็นเอเชีย 20 คน และยุโรป 20 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการจะเข้ามาเป็นแม่ข่ายแต่ต้องการจะนำสินค้าไปขายจริง ๆ
โดยรูปแบบความเสียหาย คือการโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้าสำหรับนำไปจำหน่าย แต่กลับไม่ได้สินค้า และได้รับแจ้งจากผู้ค้าในประเทศไทยว่าให้รอสินค้าก่อน แต่ก็ยังไม่ได้รับ
นายอิทธิเดชกล่าวต่อว่า กลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแม่ค้าที่นิยมนำสินค้าไทยไปขายในต่างประเทศ และบังเอิญได้เห็นโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก ประกอบกับเห็นว่ามีบอสดาราร่วมอยู่ในบริษัททำให้เกิดความต้องการที่จะนำสินค้าดังกล่าวไปขายในต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาพบกลุ่มผู้เสียหายบางคนเคยพบกับบอสพอลและบอสดาราที่ต่างประเทศ จึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นนายอิทธิเดชกล่าวอีกว่า มีหนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นคนไทยในฮ่องกงลงทุนสั่งสินค้าเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท โดยมีการสั่งซื้อผงโกโก้ กาแฟ ครีม คอลลาเจน ซึ่งหลังการสั่งสินค้าก็ได้รับสินค้าจริง แต่เป็นปริมาณที่ไม่ตรงกับยอดสั่งซื้อ เมื่อพยายามติดต่อไปยังแม่ข่ายที่แนะนำ ก็ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ
และนอกเหนือจากคนไทยที่อยู่ในฮ่องกงแล้วยังพบว่ามีผู้เสียหายชาวจีนรวมถึงชาวต่างชาติอีกหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่มีความกังวล เกี่ยวกับการติดตามดำเนินคดี เนื่องจากติดปัญหาภาษาและค่าเดินทาง ส่วนนี้อาจจะมีการมอบอำนาจให้ญาติ หรือคนรู้จักในไทย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ผู้เสียหายต่างคาดหวังจะได้รับเงินคืน
พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.กองกำกับการ 1 บก.ปคบ. เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร หลังจากรับเอกสารแล้ว จะพิจารณาเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่าการแจ้งความสามารถดำเนินการได้ไม่มีกำหนด แต่จะย้ายจากตึกอาคารพิทักษ์สันติ เป็นตึกศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยอดผู้เสียหาย หลอกลวงลงทุน ของ บริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม วันที่ 18 ตุลาคม 2567 มีผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 345 ราย มูลค่าความเสียหาย 99.7 ล้านบาทเศษ
ยอดรวมสะสม ระหว่างวันที่ 10 – 19 ตุลาคม 2567 สรุปยอด ณ เวลา 15.00 น. มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,702 ราย มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 933 ล้านบาทเศษ
ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลการรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัดและกองบังคับการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2567 รวมผู้เสียหาย 1,881 ราย มูลค่าความเสียหาย 424 ล้านบาทเศษ รวมผู้เสียหายทั่วประเทศ 4,583 ราย ความเสียหาย 1,357 ล้านบาทเศษ
โดยกองบัญชาการที่มีผู้เสียหายเดินทางเข้าร้องทุกข์มากที่สุด ได้แก่
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 536 ราย
กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 256 ราย
กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 221 ราย
กองบัญชาการที่มีผู้เสียหายเดินทางเข้าร้องทุกข์น้อยที่สุด คือ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 26 ราย... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/general/news-1677480
https://www.prachachat.net/general/news-1677480
https://www.prachachat.net/general/news-1677480